ฉบับนี้ มีข่าวดีข่าวด่วนมาบอก รัฐบาลมีนโยบายในการส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษา จึงประกาศพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 558) พ.ศ. 2556 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 24 มกราคม 2556 บังคับตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2556
เงินบริจาคตามประกาศฉบับที่ 558 นี้ ไม่ต้องระบุรายการค่าใช้จ่ายให้ยุ่งยากเหมือนประกาศฉบับที่ 420 เพียงระบุในใบเสร็จรับเงินว่า บริจาคเงินให้มหาวิทยาลัยสำหรับการจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษา เท่านี้ ก็ได้สามารถนำไปรวมคำนวณลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า เหมือนกัน และ ในส่วนของ มหาวิทยาลัยเมื่อรับบริจาคตามประกาศฉบับนี้แล้ว ก็สามารถนำเงินรับบริจาคนี้ไปจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาได้ทุกรายการ ไม่ต้องยุ่งยากในการควบคุมรายการเงินรับบริจาคเหมือนฉบับที่ 420 แต่ขอบอกก่อนนะค่ะว่า ฉบับที่ 558 นี้ ใช้ได้เพียง 3 ปีเท่านั้นค่ะ คือ 1 ม.ค.56- 31 ธ.ค.58 หลัง 31 ธ.ค.58 แล้วหากต้องการลดหย่อน 2 เท่าต้องกลับไปใช้ประกาศเดิมฉบับที่ 420 ค่ะ
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ รัฐบาลมีนโยบายในการส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษา สมควรยกเว้นภาษีเงินได้ภาษีมูลค่าเพิ่มภาษีธุรกิจเฉพาะและอากรแสตมป์สำหรับ การบริจาคเงิน หรือ ทรัพย์สิน ให้แก่สถานศึกษาของรัฐ โรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนแต่ไม่รวมถึงโรงเรียนนอกระบบตาม กฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนหรือสถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบัน อุดมศึกษาเอกชนเพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนสนับสนุนการพัฒนาการศึกษามากขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
(ร.จ. ฉบับกฤษฎีกา เล่ม ๑๓๐ ตอนที่ ๘ ก วันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๖) รายละเอียดดังต่อไปนี้
สำหรับบุคคลธรรมดา
ให้ยกเว้นสำหรับเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักค่าลดหย่อนตามมาตรา 47 (1) (2) (3) (4) (5) หรือ (6) แห่งประมวลรัษฎากร เป็นจำนวนสองเท่าของจำนวนเงินที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับเงินได้ที่ได้รับยกเว้น สำหรับการจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษา สำหรับโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบ ต้องไม่เกินร้อยละสิบของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนนั้น
สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
ให้ยกเว้นสำหรับเงินได้เป็นจำนวนสองเท่าของรายจ่ายที่บริจาค ไม่ว่าจะได้จ่ายเป็นเงินหรือทรัพย์สิน แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาสำหรับโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบและรายจ่ายที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสร้างและการบำรุงรักษาสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ หรือสนามกีฬาของเอกชนที่เปิดให้ประชาชนใช้เป็นการทั่วไปโดยไม่เก็บค่าบริการใด ๆ หรือสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ หรือสนามกีฬาของทางราชการแล้ว ต้องไม่เกินร้อยละสิบของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์และรายจ่ายเพื่อการศึกษา หรือเพื่อการกีฬาตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร การได้รับยกเว้นตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด
ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 2 และส่วน 3 หมวด 3 ภาษีมูลค่าเพิ่มตามหมวด 4 ภาษีธุรกิจเฉพาะตามหมวด 5 และอากรแสตมป์ตามหมวด 6 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากรให้แก่บุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สินหรือการขายสินค้า หรือสำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการบริจาคให้สถานศึกษาตามมาตรา 3 โดยผู้โอนจะต้องไม่นำต้นทุนของทรัพย์สินหรือสินค้า ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีดังกล่าวมาหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดา หรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ทั้งนี้ สำหรับการบริจาคที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2558 และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด
บุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้ใช้สิทธิในการยกเว้นภาษีอากรตามพระราชกฤษฎีกานี้ ต้องไม่ใช้สิทธิ ในการยกเว้นภาษีเงินได้ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 420) พ.ศ. 2547
|